นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้สมัครงาน


ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งอาจมีการแก้ไขเป็นครั้งคราว รวมถึงกฎระเบียบ กฎเกณฑ์ ประกาศ หรือข้อบังคับใด ๆ ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติดังกล่าวนั้นได้นิยามไว้ (รวมเรียกว่า “พระราชบัญญัติฯ”) ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรง หรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

บริษัท อัซบิล (ประเทศไทย) จำกัด (“บริษัท” “เรา” หรือ “ของเรา”) เข้าใจถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในฐานะผู้สมัครเข้าทำงานกับบริษัท (“ผู้สมัครงาน”) และผู้ที่ได้รับการคัดเลือก และเข้าทำสัญญาเป็นพนักงานของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ หรือพนักงานชั่วคราวก็ตาม (“พนักงาน” ทั้งนี้ ภายใต้นโยบายฯ ฉบับนี้อาจเรียกผู้สมัครงาน หรือพนักงานว่า “ท่าน” ตามแต่บริบท) และบริษัทมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติฯ โดยนโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้สมัครงานฉบับนี้ (“นโยบายฯ”) บริษัทประสงค์จะแจ้งให้ท่านทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (“ประมวลผล” “การประมวลผล” หรือ “ถูกประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัท ทั้งนี้ บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ (ก) โดยตรงจากท่านเมื่อท่านได้สมัครงานกับบริษัทผ่านทางอีเมล เว็บไซต์ของบริษัทที่ https://th.azbil.com (“เว็บไซต์”) หรือผ่านช่องทางออนไลน์อื่น ๆ หรือเมื่อท่านได้สมัครงาน ณ สำนักงานของบริษัท รวมถึงข้อมูลที่อาจได้รับในระหว่างการสัมภาษณ์งาน หรือขั้นตอนการสรรหาบุคลากรอื่น ๆ และ/หรือ (ข) จากแหล่งอื่น เช่น บุคคลที่แนะนำท่าน เช่น ลูกจ้างของบริษัท หรือจากแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ หรือจากบริษัทจัดหางาน

บริษัทอาจทำการปรับปรุงแก้ไขนโยบายฯ ฉบับนี้เป็นครั้งคราว โดยจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการปรับปรุงแก้ไขดังกล่าวบนหน้าเว็บไซต์ หรือผ่านทาง [SharePoint ของบริษัท] ในกรณีที่การปรับปรุงแก้ไขใด ๆ นั้นเป็นการปรับปรุงแก้ไขที่มีนัยสำคัญซึ่งจะส่งผลต่อวิธีการปฏิบัติของเราอันเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เราจะดำเนินการให้มั่นใจได้ว่าวิธีการปฏิบัตินั้นจะเป็นไปตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติฯ และในกรณีที่การปรับปรุงแก้ไขใด ๆ นั้นต้องอาศัยความยินยอมของท่าน เราจะแจ้งให้ท่านทราบถึงการปรับปรุงแก้ไขดังกล่าว และดำเนินการขอความยินยอมจากท่านตามที่พระราชบัญญัติฯ ได้กำหนดไว้ก่อนที่การปรับปรุงแก้ไขนั้นจะมีผลใช้บังคับ

ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัย หรือข้อสอบถามใด ๆ เกี่ยวกับการประมวลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัท หรือในกรณีที่ท่านประสงค์จะใช้สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ของท่านตามที่ได้ระบุไว้ในนโยบายฯ ฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อเราได้ที่

บริษัท อัซบิล (ประเทศไทย) จำกัด
เลขที่ 9 อาคารจี ทาวเวอร์ แกรนด์พระราม 9 ชั้นที่ 14 ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร

ทางโทรศัพท์ :
สำนักงานกรุงเทพ : +66 2011-9000
สำนักงานสาขาอมตะ : +66 38-457-076-7
สำนักงานสาขาระยอง : +66 38-682-453

หรือท่านอาจติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเราที่
ทาง email : dpo@th.azbil.com

1. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งจะถูกประมวลผล

(ก) บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้ ชื่อ นามสกุล คำนำหน้าชื่อ เพศ อายุ วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ ที่อยู่อีเมล หมายเลขติดต่อ ประสบการณ์การทำงาน ประวัติการศึกษา ทักษะทางด้านภาษา รายได้ คุณสมบัติ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง รูปภาพ (ภาพถ่าย) ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ที่สถานที่ของบริษัท ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใดที่ท่านอาจให้แก่บริษัทในเรซูเม่ หรือเอกสารอื่นใดของท่าน รวมถึงในระหว่างขั้นตอนการสรรหาบุคลากรของบริษัท

(ข) ในกรณีที่ท่านสมัครงานผ่านทางเว็บไซต์ บริษัทอาจทำเก็บรวบรวมข้อมูลไอพีแอดเดรส (IP Address) คุกกี้ ตำแหน่ง หรือ หมายเลขอุปกรณ์ของท่านเป็นการเพิ่มเติม

(ค) ในระหว่างขั้นตอนการสรรหาบุคลากร บริษัทมิได้มีความประสงค์ หรือเจตนาที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติฯ ใด ๆ ของท่าน ซึ่งรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา หมู่โลหิต สุขภาพ หรือประวัติอาชญากรรมของท่าน (“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว”) ดังนั้น ในกรณีที่สำเนาบัตรประชาชนของท่านมีข้อมูลหากข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา และ/หรือหมู่โลหิตปรากฏอยู่ บริษัทขอแนะนำให้ท่านดำเนินการขีดฆ่า ปิด หรือลบข้อมูลดังกล่าวก่อนจะส่งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และ/หรือเอกสารอื่นใดให้แก่บริษัท

(ง) ในกรณีที่ท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัท เช่น บุคคลอ้างอิง หรือบุคคลในครอบครัว เป็นต้น ท่านจะต้องดำเนินการให้มั่นใจได้ว่าบุคคลดังกล่าวนั้นได้รับแจ้งให้ทราบถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฯ ฉบับนี้ และได้ให้ความยินยอมโดยชอบตามที่จำเป็นแล้ว หรือมิเช่นนั้น ท่านจะต้องรับรองว่ามีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายอื่น ๆ ในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลเหล่านั้นแก่บริษัท

2. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

(ก) ความยินยอม

(1) เพื่อเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อใช้ในการประเมินความเหมาะสมของท่านสำหรับงานในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจมีในอนาคต รวมถึงเพื่อใช้ในการติดต่อ นัดสัมภาษณ์ และ/หรือเสนองานในตำแหน่งดังกล่าวให้แก่ท่าน

(2) เพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวที่ท่านอาจได้ให้ไว้แก่บริษัทในระหว่างขั้นตอนการสรรหาบุคลากร

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะดำเนินการให้แน่ใจว่าจะมีการเก็บรักษาเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่มีความจำเป็น และเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายฯ ฉบับนี้เท่านั้น

(ข) การปฏิบัติตามสัญญา
เพื่อดำเนินการตามคำร้องขอของผู้สมัครงานในการสมัครงานกับบริษัทและเพื่อทำการนัดหมายสัมภาษณ์งาน และจัดการทดสอบที่จำเป็นเพื่อประเมินคุณสมบัติ ความเหมาะสม และความสามารถของผู้สมัครงาน ทั้งนี้ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น อาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวของท่านได้ไม่ว่าทั้งหมด หรือแต่บางส่วน

(ค) การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือระเบียบใด ๆ ที่ใช้บังคับ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย และระเบียบของประเทศไทย หรือประเทศอื่นใดที่เกี่ยวข้องก็ตาม รวมถึงเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของศาล หน่วยงานผู้มีอำนาจ และ/หรือหน่วยงานของรัฐใด ๆ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็น อาจส่งผลให้บริษัท หรือท่านไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้ หรืออาจส่งผลให้การกระทำใด ๆ ของบริษัทหรือท่านถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ระเบียบ หรือคำสั่งที่ใช้บังคับ

(ง) ประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย
บริษัทอาจจำเป็นที่จะต้องทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อเฝ้าติดตาม ตรวจหา และป้องกันการฉ้อฉล หรือการกระทำความผิดทางอาญาใด ๆ ทั้งนี้ บริษัทได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ในการเฝ้าติดตามท่านในระหว่างที่ท่านอยู่ในสถานประกอบการของบริษัท เพื่อปกป้องทรัพย์สิน สินทรัพย์ บุคลากร และประโยชน์ใด ๆ ทั้งปวงของบริษัท

(จ) เพื่อก่อตั้ง ปฏิบัติตาม ใช้ หรือยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
บริษัทอาจทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานในกรณีที่มีความจำเป็นในการก่อตั้ง ปฏิบัติตาม ใช้ หรือยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องที่บริษัทมีตามกฎหมาย

3. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานแก่บริษัทในเครือ หรือบริษัทที่อยู่ในกลุ่มบริษัทของเราซึ่งตั้งอยู่นอกประเทศไทย เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการสรรหาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับท่าน และการจ้างงานที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ ในขั้นตอนการสรรหาบุคลากรนี้ บริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานให้แก่บุคคลภายนอกใด

อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงานให้แก่บุคคล หรือนิติบุคคลอื่นใดได้ในกรณีที่จำเป็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือระเบียบที่ใช้บังคับ

4. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน และพนักงานไปยังประเทศอื่น ๆ

บริษัทอาจโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทในเครือ และ/หรือบริษัทในกลุ่มซึ่งตั้งอยู่นอกประเทศไทย และซึ่งอาจมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ หรือไม่เพียงพอตามที่พระราชบัญญัติฯ ได้กำหนดไว้ ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม บริษัทจะดำเนินการเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการโอนข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ดังกล่าวนั้น จะเป็นไปตามที่พระราชบัญญัติฯ ได้กำหนดไว้ และจะมีการใช้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมในการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังกล่าว รวมถึง บริษัทจะดำเนินการให้แน่ใจได้ว่าบุคคล หรือนิติบุคคลใด ๆ ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะใช้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

หากการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปนอกประเทศไทยนั้นไม่สามารถอาศัยเหตุตามกฎหมายอื่นใดได้นอกเหนือไปจากความยินยอม บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงความไม่เพียงพอของมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศปลายทางดังกล่าว และจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านก่อนดำเนินการโอนข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีดังกล่าว

5. ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน

(ก) ในกรณีที่ท่านได้รับการว่าจ้างจากบริษัท บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาของการจ้างงาน และต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 10 (สิบ) ปี นับจากที่การว่าจ้างของท่านได้สิ้นสุดลงไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม เว้นแต่กฎหมายจะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น

(ข) ในกรณีที่ท่านไม่ได้รับการว่าจ้าง บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 (หก) เดือน นับจากวันที่ขั้นตอนการสรรหาบุคลากรได้สิ้นสุดลง ทั้งนี้ เพื่อใช้ในการประเมินความเหมาะสมของท่านสำหรับงานในตำแหน่งอื่น ๆ ที่อาจมีในอนาคต รวมถึงเพื่อใช้ในการติดต่อ นัดสัมภาษณ์ และ/หรือเสนองานในตำแหน่งดังกล่าวให้แก่ท่าน

6. สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครงาน

ตามพระราชบัญญัติฯ ท่านมีสิทธิหลายประการในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้

(ก) สิทธิในการเข้าถึง เพื่อขอเข้าถึง หรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งบริษัทมีอยู่ หรือขอให้ทำการเปิดเผยแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน

(ข) สิทธิในการส่งข้อมูล เพื่อขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบที่ใช้งาน หรือสามารถอ่านได้ได้โดยทั่วไป ด้วยเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ (หากมี) รวมถึงขอให้ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น

(ค) สิทธิในการคัดค้าน เพื่อคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

(ง) สิทธิในการขอให้ดำเนินการลบ เพื่อขอให้ดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีที่ (1) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็นต่อวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว (2) ท่านได้เพิกถอนความยินยอม และเราไม่มีอำนาจตามกฎหมายอื่นใดในการเก็บรวมรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อไป (3) เมื่อท่านได้คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งได้เก็บรวบรวมโดยอาศัยฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือ (4) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นต้น

(จ) สิทธิในการขอให้ระงับ เพื่อขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่ (1) ท่านได้ขอใช้สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง และบริษัทอยู่ในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบคำร้องขอนั้น (2) การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ท่านไม่ประสงค์จะให้ลบ หรือทำลายข้อมูลดั้งกล่าว (3) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจำเป็น แต่ท่านขอให้เราเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้ง ปฏิบัติตาม ใช้ หรือยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ (4) ท่านได้ใช้สิทธิในการคัดค้าน และบริษัทอยู่ในระหว่างการดำเนินการตรวจสอบคำร้องขอนั้น

(ฉ) สิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เพื่อขอให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นได้รับการแก้ไขให้ถูกต้อง หรือทำให้เป็นปัจจุบัน ทั้งนี้ บริษัทอาจร้องขอเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมจากท่านในการดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าว

(ช) สิทธิในการขอเพิกถอนความยินยอม ในกรณีที่การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาศัยฐานความยินยอม ท่านอาจขอเพิกถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่กฎหมายที่ใช้บังคับจะได้กำหนดไว้เป็นอื่น ทั้งนี้ การถอนความยินยอมจะไม่กระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ดำเนินไปตามที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้แล้วโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนที่ท่านจะดำเนินการถอนความยินยอมดังกล่าว

(ซ) สิทธิในการร้องเรียน หากท่านเห็นว่าการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัทนั้นเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ ท่านอาจร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแลด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศไทยได้ ทั้งนี้ บริษัทสนับสนุนให้ท่านติดต่อเราเพื่อแก้ไขปัญหาใด ๆ ก่อนที่จะดำเนินการร้องเรียนดังกล่าว

ทั้งนี้ การใช้สิทธิใด ๆ ในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นจะอยู่ภายใต้ข้อกำหนด และเงื่อนไขของพระราชบัญญัติฯ

ฉบับวันที่ [1 กรกฏาคม 2564]